วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ตำรับอาหารญี่ปุ่น #13: Ganmodoki

     Ganmodoki (がんもどき) คือเต้าหู้ผสมผักชุบแป้งทอด เช่น แครอท หรือรากบัว และบางครั้งก็อาจใส่ไข่ลงไปด้วย คำว่า Ganmodoki มาจากคำ 2 คำ がん (Gan : ห่าน) และ もどき (Modoki : ปลอม) Ganmodoki จึงแปลได้ตรงตัวว่า "เนื้อห่านปลอม" นั่นก็เพราะว่าเมนูนี้มีรสคล้ายเนื้อห่าน ทั้งที่จริงแล้วคือเต้าหู้ โดยชาวญี่ปุ่นก็ยังเรียกอาหารจานนี้สั้นๆ ว่า Ganmo อีกด้วย

(ขอขอบคุณรูปภาพจาก glutenfree-komekofood - blog)
Ganmodoki 

ตำรับ Ganmodoki
สำหรับ 2 ที่

วัตถุดิบ

     1. เต้าหู้แบบแข็ง 1 ก้อน
     2. สาหร่าย Hijiki แห้ง 5 กรัม
     3. ถั่ว Edamame 20 กรัม
     4. ต้นหอม 2 ต้น
     5. แครอท ¼ หัว
     6. เกล็ดขนมปังกรอบ 20 กรัม
     7. ไข่ฟองใหญ่ 1 ฟอง
     8. Miso ขาว 1 ช้อนโต๊ะ
     9. ผงสต็อกจากสาหร่าย Kombu 1 ช้อนชา
     10. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

สำหรับซอส Daikon
     1. ขิง 20 กรัม
     2. หัวไชเท้า 120 กรัม
     3. ซีอิ๊ว 20 มิลลิลิตร

วิธีทำ
     1. ล้างเต้าหู้ แล้วห่อเต้าหู้ด้วยกระดาษเช็ดมือเพื่อซับน้ำส่วนเกินออก
     2. แกะกระดาษออก แล้วหั่นเต้าหู้ออกเป็นชิ้นเล็กๆ ห่อด้วยกระดาษเช็ดมืออีกครั้ง จากนั้นค่อยๆ บีบเต้าหู้เพื่อกำจัดน้ำส่วนเกินออกให้ได้มากที่สุด
     3. แช่สาหร่าย Hijiki ในน้ำสะอาด 500 มิลลิลิตร เป็นเวลา 10 นาที จากนั้นเทน้ำออกแล้วพักไว้
     4. หั่นแครอทและต้นหอมเป็นชิ้นเล็กๆ พร้อมปอกและขูดขิงเตรียมไว้
     5. บดเต้าหู้ในชามด้วยมือ แล้วเท Miso ขาว, ผงสต็อก, ไข่, ต้นหอมหั่น และขิงขูด 1 ช้อนชา (ขิงส่วนที่เหลือให้เก็บไว้ก่อน) ลงไปผสม เมื่อเข้ากันดีแล้ว ให้ใส่สาหร่าย Hijiki, แครอท และถั่ว Edamame ลงตามไป จากนั้นค่อยๆ คนให้เข้ากัน
     6. ทำให้มือเปียกน้ำ แล้วค่อยๆ ปั้นส่วนผสมจากข้อ 5 เป็นแผ่นหนาประมาณ 2 เซนติเมตร
     7. ตั้งกระทะแบน เปิดไฟกลาง เทน้ำมันพืชลงไป จากนั้นค่อยทยอยนำส่วนผสมที่ปั้นแล้วลงทอดให้เหลือง ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที แล้วใช้ตะหลิวกลับด้าน ทอดอีกด้านต่ออีก 2-3 นาที อาจปิดฝากระทะเพื่อให้สุกเร็วขึ้นก็ได้ เสร็จแล้วตักลงใส่จาน
     8. ปอกและขูดหัวไชเท้า บีบน้ำออกจากตัวหัวไชเท้าเล็กน้อย จากนั้นวางใส่ในถ้วยน้ำจิ้มคู่กับขิงที่เหลือจากข้อ 5 แล้วเติมซีอิ๊วลงไปผสม จะได้เป็นซอส Daikon
     9. เสิร์ฟ Ganmodoki คู่กับซอส Daikon (ซอสหัวไชเท้า) ได้เลย

Fumiou, Tai Sakura Okiya
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Wikipedia และ Japancentre

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น