วันอังคารที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ตำรับอาหารญี่ปุ่น #9: Dango

     Dango (団子) เป็นขนมหวานของญี่ปุ่นที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าที่เรียกว่า Mochiko (もち粉) เมนูนี้อยู่ในกลุ่มเดียวกับโมจิ ซึ่งนิยมเสิร์ฟคู่กับชาเขียว แม้ว่า Dango จะเสิร์ฟได้ตลอดทั้งปี แต่รายละเอียดที่มากกว่านั้นคือ Dango มีหลายประเภทมาก และแต่ละประเภทนั้นนิยมทานกันในฤดูกาลของมันเท่านั้น

Hanami Dango ขนมสำหรับช่วงฤดูกาลชมดอกซากุระ

ตำรับ Dango
สำหรับ 6 ไม้

วัตถุดิบ
     1. แป้งข้าวเจ้า 160 กรัม
     2. แป้งข้าวเหนียว 40 กรัม
     3. น้ำตาล 60 กรัม
     4. น้ำร้อน 200 มิลลิลิตร
     5. ผงชาเขียวมัทฉะ 1 ช้อนชา
     6. สีผสมอาหารสีแดง

วิธีทำ
     1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว และน้ำตาลเข้าด้วยกัน โดยค่อยๆเติมน้ำร้อนลงไปทีละน้อย ผสมจนเหนียวและเข้ากันดี
     2. ปิดฝาถ้วยแป้งที่ผสมแล้วนำเข้าไมโครเวฟ 3 นาที เสร็จแล้วรอให้แป้งอุ่น จากนั้นใช้มือที่เปียกน้ำนวดแป้งให้เหนียวนุ่ม
     3. แบ่งแป้งที่นวดแล้วออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกใส่ผงชาเขียวเพื่อให้สีเขียว (ถ้าผงชาเขียวแข็งเกินไป ให้เติมน้ำแล้วคนให้ละลายดี ก่อนนำไปผสมกับแป้ง) ส่วนที่สองใส่สีผสมอาหารสีแดงเพื่อให้สีแดง ส่วนที่สามไม่ต้องใส่อะไรเพื่อให้คงไว้ซึ่งสีขาว
     4. นำมือจุ่มน้ำ ปั้นแป้งให้ได้สีละ 6 ก้อน เสียบไม้ละ 3 ก้อน (3 สี) แล้วเสิร์ฟเป็นของหวานได้เลย

เคล็ดลับ
     1. แป้งที่ทำให้สุกด้วยไมโครเวฟ หากนำออกมาแล้วมีลักษณะร่วน ให้เติมน้ำร้อนเล็กน้อย ค่อยๆ คนจนเนื้อแป้งเริ่มเข้ากันและกลับมานุ่มอีกครั้ง
     2. สามารถปรับเปลี่ยนกลิ่น สี หรือรส ของแป้งได้ตามต้องการ

Fumiou, Tai Sakura Okiya
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Wikipedia และ Japancentre

วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

กิโมโนศาสตร์ #9: Hikuzuri และ Susohiki

     กิโมโน Hikizuri (引きずり着物)

     กิโมโน Hikizuri หรือ Susohiki (裾引き着物) ปกติแล้วจะสวมใส่โดยนักแสดงศิลปะญี่ปุ่นแบบโบราณ และเกอิชา โดยกิโมโนประเภทนี้มีความยาวมากกว่ากิโมโนปกติมาก เพราะต้องการให้ส่วนล่างของตัวกิโมโนยาวลากพื้นเมื่อสวมใส่ทำการแสดง ซึ่งคำว่า Susohiki แปลตรงตัวได้ว่า "กระโปรงยาวลากพื้น" กิโมโนของผู้หญิงแบบธรรมดามีความยาว 1.5 - 1.6 เมตร ในขณะที่กิโมโน Hikizuri สามารถมีความยาวได้ถึง 2 เมตร ลักษณะเด่นอีกประการของกิโมโนประเภทนี้คือ เมื่อถูกสวมโดยเกโกะ (芸子 : ใช้เรียกเกอิชาในสำเนียงคันไซ ส่วนมากหมายถึงเกอิชาในเกียวโต) หรือไมโกะ (舞妓 : เกโกะฝึกหัด) พวกเธอจะดึงกิโมโนส่วนล่างขึ้นไปเพื่อไม่ให้ถูกพื้นที่สกปรกในขณะเดิน เผยให้เห็นกิโมโนชั้นใน (Nagajuban : 長襦袢) ที่มีลวดลายสวยงาม

กิโมโน Hikizuri ใช้สำหรับสวมประกอบการร่ายรำ

กิโมโน Hikizuri มีความยาวมากกว่ากิโมโนธรรมดาถึงครึ่งเมตร
กิโมโนธรรมดา

เกอิชา โดยเฉพาะเกโกะและไมโกะในเกียวโตจะสวมกิโมโน Hikizuri เสมอ

เมื่อเกโกะและไมโกะสวมกิโมโน Hikizuri พวกเธอจะดึงกิโมโนส่วนล่างขึ้นเพื่อไม่ให้ถูกพื้นที่สกปรกในขณะเดิน
ผ้าสีแดงด้านล่างคือกิโมโนชั้นใน เรียกว่า Nagajuban

Fumiou, Tai Sakura Okiya
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Wikipedia

วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

รำอย่างงาม ตามฉบับญี่ปุ่น #8: Uji cha

เพลง : Uji cha (宇治茶)
แบบฉบับ : Gion Higashi

By: Kei Gekiku on Youtube
ไมโกะ Tomitae จากโอกิยะ Tomikiku

แบบฉบับ : Miyagawacho

By: woi3ocho2jin1 on Youtube
ไมโกะ Satono จากโอกิยะ Kawahisa
และเกโกะ Fukuhiro จากโอกิยะ Shigemori

By: mamemaru93 on Youtube
ไมโกะ Fukusato จากโอกิยะ Ishihatsu

แบบฉบับ : Pontocho

By: ToshihaGeiko on Youtube
เกโกะ Ichisono จากเขต Pontocho

Fumiou, Tai Sakura Okiya

วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เกอิชา นาฏนารี #8: Kimicho-san เกอิชาชาวอเมริกัน(1)

     บทสัมภาษณ์ Kimicho-san ชาวอเมริกัน ผู้ทำหน้าที่เกอิชาชาวต่างขาติในโตเกียว
     โดย Geisha-kai on Tumblr
     ตอนที่ 1

     Q: ช่วยแนะนำตัวหน่อยค่ะ
     A: สวัสดีค่ะ ฉันอายุ 25 ปี มาจาก Saint Louis, รัฐ Missouri อันเป็นเมืองเกษตรกรรมเล็กๆ ทางตอนกลางของสหรัฐอเมริกาค่ะ เมืองนี้มีประชากรประมาณ 2,000 คน และห่างไกลจากโตเกียวมาก ตอนนั้น นอกจากวัฒนธรรมญี่ปุ่นแล้ว ฉันก็ชอบแมว บัลเลต์ และการทำอาหารด้วยค่ะ

     Q: เรื่องราวการก้าวเข้าสู่การเป็นเกอิชาของคุณเป็นอย่างไรคะ
     A: ฉันหลงไหลในวัฒนะธรรมญี่ปุ่นตั้งแต่เด็ก เมื่อครั้งที่ฉันจบชั้นมัธยมปลาย ตอนนั้นฉันคิดไม่ออกเลยค่ะว่าอาชีพไหนที่เหมาะกับตัวเอง ก็เลยลองเรียนหลายสาขามากๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่าฉันจะวิ่งตามความฝัน ด้วยการเริ่มเรียนภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นค่ะ ฉันเรียนอยู่ที่อเมริกาหนึ่งปีเต็ม แล้วต่อมาฉันก็ได้มีโอกาสมาศึกษาต่อที่ Nagasaki นั่นเป็นการย้ายที่อยู่ของฉันเป็นครั้งแรกเลยล่ะค่ะ เมื่อย้ายมาญี่ปุ่นแล้ว ฉันได้เรียนวิชาที่น่าสนใจมากมาย หนึ่งในนั้นคือตอนที่ฉันไปทัศนศึกษาเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับวัดและศาลเจ้า ครูกล่าวถึงเกอิชาใน Nagasaki ด้วย นั่นทำให้เหมือนมีไฟลุกขึ้นมาในตัวฉันนับแต่ตอนนั้น ฉันได้แต่คิดว่ามันน่าเหลือเชื่อแค่ไหน ที่ฉันมาอยู่ที่ญี่ปุ่น ในเมืองเดียวกับเกอิชาตอนนี้ ฉันก็ไม่ได้คิดหรอกค่ะว่ามันจะเป็นไปได้ ตอนแรกก็แค่ต้องการจะพบพวกเขาเท่านั้น แต่หลังจากนั้นฉันก็คิดว่า ลองหน่อยน่า... มันอาจเป็นไปได้! แล้วฉันก็เริ่มพยายามเพื่อที่จะได้เป็นเกอิชา สุดท้ายฉันก็ทำได้ค่ะ และฉันคงอยากจะเตะตัวเอง ถ้าหากตอนฉันไม่แม้แต่คิดจะลองพยายาม

     Q: แล้วขั้นตอนสู่การเป็นเกอิชาของชาวต่างชาตินั้นยากมากไหมคะ เพื่อนร่วมงานของคุณ เกอิชาชาวญี่ปุ่นเขาดูแลคุณดีไหมคะ
     A: ทุกครั้งที่ได้รับคำถามกว้างๆ ลักษณะนี้ ฉันพยายามอย่างมากเลยค่ะที่จะไม่ตอบไปเกี่ยวกับคนหรือวัฒนธรรมญี่ปุ่นตรงๆ เพราะประสบการณ์ของฉันมันไม่สามารถตัดสินได้ ว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอ แต่สำหรับฉันนะคะ ชีวิตก็มีขึ้นมีลงเสมอ ก้าวแรกของฉันนั้นต้องขอบคุณคุณครูที่รู้จักคนที่เกี่ยวข้องกับเกอิชาใน Nagasaki ค่ะ จากนั้นฉันได้มีโอกาสเข้าไปในสำนักงานที่ดูแลเรื่องเกอิชา และดูการฝึกซ้อมนิดหน่อย ตอนนั้นฉันทำตัวสงบเสงี่ยมประหนึ่งว่าพวกเขาจะยอมรับฉัน และฝึกฉันให้เป็นเกอิชา แต่ตอนนั้นฉันยังพูดภาษาญี่ปุ่นได้ไม่ค่อยแข็งน่ะค่ะ ก็เลยทำให้ไม่ค่อยได้พูดคุยกับเกอิชาใน Nagasaki ตัวต่อตัวสักเท่าไร เกอิชาอาวุโสที่นี่ใจดีมาก แต่พวกเขายังดูสงสัยในตัวฉันมาก ฉันก็เข้าใจนะคะ สุดท้ายพวกเขาจึงตัดสินใจไม่รับฉันเข้าฝึกค่ะ ต่อมาฉันติดต่อสำนักเกอิชาที่อื่นๆ ผ่านเว็บไซต์ ผู้ดูแลสำนักปัจจุบันของฉัน (Okaasan) ก็มีมุมมองว่าเขตเกอิชาใน Oimachi (เขต Shinagawa, โตเกียว) ควรมีการปรับปรุงบ้าง ใช่ค่ะ เธอเป็นคนที่มีมุมมองเปิดกว้างต่อความพยายามของฉันมาก ฉันจึงได้เข้ารับการฝึกที่นั่น และก็โชคดีมากจริงๆ ที่รุ่นพี่ทั้งหลายดีกับฉันและคอยสนับสนุนฉันเสมอ แต่ก็มีบ้างนะคะ คนที่ยังสงสัย ระแวงกันอยู่ แต่ฉันก็เข้าใจพวกเขาค่ะ

**ติดตาม Kimicho-san ได้ที่ Instagram ของเธอ**

Fumiou, Tai Sakura Okiya
ขอขอบคุณบทสัมภาษณ์จาก Geisha-kai on Tumblr

วันพุธที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ตำรับอาหารญี่ปุ่น #8: Chirashizushi

     Chirashizushi (ちらし寿司) ทำมาจากผักปรุงรสและเห็ดผสมกับข้าวซูชิ โรยหน้าด้วยถั่วลันเตา พริกหมัก และ Benishoga (ขิงแดง) เมื่อกล่าวถึง Chirashizushi หลายคนอาจนึกถึงอาหารจานใหญ่ ที่มีข้าวซูชิ และซาชิมิหั่นบางวางอยู่ด้านบน จึงทำให้เมนูนี้เป็นที่นิยมมากในภัตตาคารญี่ปุ่น

Chirashizushi

ตำรับ Chirashizushi
สำหรับ 4 ที่

วัตถุดิบ
สำหรับข้าว
     1. เห็ดหอม 20 กรัม (ประมาณ 3 ดอกใหญ่)
     2. เต้าหู้แช่แข็ง 2 ก้อน
     3. รากบัว 100 กรัม
     4. น้ำมันพืช 2 ช้อนชา
     5. แครอท 75 กรัม (หั่นบาง)
     6. เส้น Shirataki 150 กรัม (หั่นหยาบๆ)
     7. น้ำสต๊อกผัก 1 ถ้วย
     8. สาเก ½ ถ้วย
     9. น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
     10. ซีอิ๊ว ½ ช้อนโต๊ะ
     11. เกลือ ½ ช้อนชา
     12. ข้าวญี่ปุ่นสุก 1 หม้อ
     13. งาปิ้ง 1½ ช้อนโต๊ะ
     14. น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับแช่รากบัว)

สำหรับส่วนโรยหน้า
     1. ถั่วลันเตา 100 กรัม
     2. พริกหวานสีแดง 200 กรัม
     3. พริกหวานสีเหลือง 200 กรัม
     4. น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
     5. เกลือ ¼ ช้อนชา
     6. Benishoga (ขิงแดง)

วิธีทำ
     1. วางเห็ดหอมลงในชาม เติมน้ำร้อน ½ ถ้วย  แช่ไว้ 30 นาที แล้วเทน้ำออก จากนั้นให้หั่นก้านเห็ดออก แล้วหั่นส่วนที่เหลือเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม
     2. แช่เต้าหู้แช่แข็งในน้ำที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 30 นาที แล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆ
     3. ปิ้งพริกหวาน จากนั้นให้ปอกเปลือก หั่นเป็นเส้นๆ ยาว 2 นิ้ว แล้วปรุงรสด้วย น้ำตาล 1 ช้อนชา และเกลือ ¼ ช้อนชา คลุกให้เข้ากันดี
     4. ตั้งน้ำสะอาดบนเตา เตรียมน้ำเย็นใส่ชามไว้ใกล้ๆ  แล้วเตรียมถั่วลันเตาด้วยการนำเมล็ดออก จากนั้นเมื่อน้ำเดือด ให้ใส่ถั่วลันเตาลงไป ต้มต่อ 30 นาที เรียบร้อยแล้วจึงนำลงจากเตา นำไปแช่ในน้ำเย็นทันที นำขึ้น แล้วหั่นเป็นเส้นๆ
     5. เติมน้ำใส่ชาม ใส่น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูลงไป 1 ช้อนชา จากนั้นปอกรากบัวและหั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ ¼ นิ้ว นำไปแช่ในน้ำที่เตรียมไว้เพื่อช่วยให้รากบัวไม่เปลี่ยนสีเมื่อถูกอากาศ แล้วนำขึ้นจากน้ำ
     6. หุงข้าวญี่ปุ่น
     7. เทน้ำมันลงบนกระทะ ใช้ไฟกลางผัดแครอท 1 นาที
     8. ใส่เห็ดหอมลง เต้าหู้ รากบัว และเส้น Shirataki ลงไปผัดกับแครอทต่ออีก 1 นาที
     9. เติมน้ำสต๊อกผัก สาเก น้ำตาล และซีอิ๊ว ผัดต่อจนน้ำสต๊อกแห้งและแครอทเริ่มนิ่ม
     10. เทส่วนผสมทั้งหมดที่ผัดได้ใส่กระชอนสะอาด ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ
     11. ผสมส่วนผสมจากข้อ 10 กับงาปิ้ง คลุกให้เข้ากัน
     12. เทใส่จาน ตกแต่งหน้าข้าวด้วยพริกหวานปรุงรส ถั่วลันเตา และ Benishoga (ขิงแดง)

Fumiou, Tai Sakura Okiya
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Norecipes

วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

กิโมโนศาสตร์ #8: Tomesode

     กิโมโน Tomesode (留袖着物)

     กิโมโน Tomesode เป็นกิโมโนแขนสั้นสำหรับหญิงแต่งงานแล้วที่มีระดับความเป็นทางการสูง ตามแบบแผนของกิโมโน หญิงโสดจะสวมกิโมโนแขนยาว และแขนจะสั้นลงเมื่อเธอแต่งงานแล้ว นั่นก็เป็นเพราะว่าแขนของกิโมโนหากยาวมากเกินไป จะเป็นปัญหาสำหรับการทำงานในครัวของหญิงที่แต่งงานแล้วได้

     ข้อแตกต่างของกิโมโน Tomesode กับกิโมโนของผู้หญิงประเภทอื่นก็คือ กิโมโนประเภทนี้จะมีลายเฉพาะช่วงต่ากว่าเอวเท่านั้น และจะมีตราประจำตระกูล 3 - 5 จุด ปรากฏบนชุดเสมอ เนื่องจากตราประจำตระกูลจะทำให้กิโมโนมีระดับความเป็นทางการสูงขึ้น

     Kuro-Tomesode (黒留袖 : Tomesode สีดำ) นิยมใส่ในงานแต่งงาน สำหรับหญิงผู้เกี่ยวข้องกับเจ้าสาวเจ้าบ่าวนั่นเอง โดยปก (Eri : ) เชือกประดับโอบิ (Obijime : 帯締め) และผ้าคาดเหนือโอบิ (Obiage : 帯揚げ) จะมีสีโทนขาวเสมอ และมีลายบนโอบิที่เข้ากับตัวกิโมโน อันเป็นสิ่งที่เหมาะสำหรับโอกาสแห่งความสุขเท่านั้น ที่มาของสีดำบน Kuro-Tomesode ก็คือ มีความเห็นกันว่าสีดำนี้จะเข้ากับสีขาวจากกิโมโนของเจ้าสาวได้ดี สิ่งนี้จึงทำให้ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นหญิงสาวสวมกิโมโน Tomesode สีดำไปร่วมงานอื่นนอกจากงานแต่งงาน และสำหรับเจ้าสาว เธอจะไม่สวมกิโมโน Kuro-Tomesode แต่อาจเป็น Iro-Tomesode หรือ Houmongi แทน

Kuro-Tomesode กิโมโนแขนสั้นสีดำ

     Iro-Tomesode (色留袖) เป็นกิโมโนแบบเดียวกับ Kuro-Tomesode แต่แตกต่างกันเล็กน้อยตรงที่ Iro-Tomesode จะมีสีสันอื่นๆ ที่ไม่ใช่สีดำ กิโมโนประเภทนี้สามารถสวมได้โดยทั้งหญิงโสดและหญิงที่แต่งงานแล้ว โดยมีระดับความเป็นทางการปานกลาง เว้นแต่ว่าจะมีสัญลักษณ์ประจำตระกูลบนตัวกิโมโน ที่จะทำให้กิโมโน Iro-Tomesode เป็นทางการมากขึ้น

     สำหรับงานพระราชพิธีในพระราชวัง มีข้อห้ามว่าห้ามสวมกิโมโน Kuro-Tomesode เข้าร่วมพิธีเด็ดขาด เพราะถือว่าสีดำเป็นสีแห่งความเศร้าโศกและการไว้ทุกข์

Fumiou, Tai Sakura Okiya
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Wikipedia

วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

รำอย่างงาม ตามฉบับญี่ปุ่น #7: Ume ni mo Haru (Gion Higashi)

เพลง : Ume ni mo Haru (梅にも春)
แบบฉบับ : Gion Higashi

By: 山谷一秀 on Youtube
ไมโกะ Miharu จากโอกิยะ Okatome

By: Kei Gekiku on Youtube
ไมโกะ Tomitsuyu จากโอกิยะ Tomikiku

By: cokeccoco on Youtube
ไมโกะ Ryouka จากโอกิยะ Sakaemasa

Fumiou, Tai Sakura Okiya