วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ตำรับอาหารญี่ปุ่น #21: Ikayaki

     Ikayaki (烏賊焼) เป็นอาหารยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น ที่เมื่อกล่าวถึงแล้วสิ่งที่มักนึกขึ้นได้เป็นอย่างแรกคือปลาหมึกย่างราดซีอิ๊วขาว โดยชิ้นส่วนของปลาหมึกที่เสิร์ฟอาจเป็นแบบทั้งตัว หั่นเป็นวงๆ หรือเสิร์ฟคู่กับหนวด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของปลาหมึกด้วย มักรับประทานกันในบาร์แบบญี่ปุ่น (居酒屋 : Izakaya) และมีหนวดปลาหมึกเสียบไม้ย่างเป็นอาหารขึ้นชื่อตามงานเทศกาลต่างๆ

(ขอขอบคุณรูปภาพ จาก Nagoyajpcuisine)
Ikayaki

ตำรับ Ikayaki
สำหรับ 2-4 ที่

วัตถุดิบ
     1. ปลาหมึกหั่นเป็นแว่นๆ 500 กรัม
     2. ขิงสดขูด 2 ช้อนชา
     3. มิริง 2 ช้อนโต๊ะ
     4. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
     5. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
     1. ผสมขิงสดขูด ซีอิ๊วขาว และมิริงเข้าด้วยกันในชามใบใหญ่
     2. ใส่ปลาหมึกที่หั่นแล้วตามลงไปในชาม คลุกเคล้าให้ซอสเคลือบปลาหมึกทั่วกัน แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
     3. นำปลาหมึกไปทอดแทนการย่าง ให้ตั้งกระทะบนไฟร้อนมาก แล้วเติมน้ำมันพืชลงไป
     4. หยิบปลาหมึกที่หมักทิ้งไว้ลงไปทอดในกระทะ และให้เหลือซอสหมักไว้ในชามด้วย
     5. ผัดปลาหมึกเร็วๆ จนกระทั่งเนื้อเปลี่ยนสี (หรือประมาณ 7 นาที) โดยให้ปลาหมึกสุกพอดี เพราะถ้าทอดนานเกินไปจะทำให้เนื้อปลาหมึกเหนียว
     6. เทซอสหมักที่เหลือจากการหมักในชาม (ข้อ 4) ลงไปผสมกับปลาหมึก แล้วผัดอย่างรวดเร็ว เพราะซอสนี้จะไหม้ง่ายมาก
     7. พอปลาหมึกสุกดี ให้ตักลงใสจานพร้อมเสิร์ฟคู่กับผักหรือข้าวสวยร้อนๆ

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Geniuskitchen
Fumiou, Tai Sakura Okiya

กิโมโนศาสตร์ #21: วิธีดูแลกิโมโน(3) วิธีซักชุดยูกาตะ

การซักด้วยเครื่องซักผ้า
     ชุดยูการตะส่วนใหญ่สามารถซักโดยใช้เครื่องซักผ้าได้ แต่หากคุณเพิ่งสวมมันไปแค่ครั้งเดียว การทำความสะอาดด้วยน้ำก็เพียงพอแล้ว

     1. พับยูกาตะ แล้วนำไปใส่ในถุงซักผ้าขนาด 40 cm x 50 cm โดยประมาณ นี่จะช่วยไม่ให้ยูกาตะยับย่นระหว่างการปั่นซัก
     2. เลือกรูปแบบการปั่นของเครื่องซักผ้าให้เบาที่สุด และเป็นแบบสำหรับผ้าบาง จากนั้นให้ปั่นประมาณ 30 วินาที
     3. การซักอาจทำให้ยูกาตะสีตกได้เล็กน้อย ดังนั้นจึงต้องซักยูการตะแยกจากเสื้อผ้าอื่นๆ

การซักด้วยมือ
     1. แนะนำให้ซักในอ่างล้างหน้า หรือหากไม่มีอ่างล้างหน้า อาจใช้กล่องใส่เสื้อผ้าทรงสี่เหลี่ยมแทนได้
     2. จุ่มยูกาตะลงในน้ำ แล้วใช้มือกดลงไปหลายๆ ครั้ง (ระหว่างการซักและการบิด พยายามทำให้ยูกาตะพับอยู่ในรอยพับตามแนวผ้าที่ถูกต้อง เพื่อรักษารูปทรงของชุดเอาไว้ และให้ใช้น้ำอุ่น เพราะน้ำอุ่นจะช่วยไม่ให้ผ้าหดตัว)
     3. การทำให้ยูกาตะแห้ง ให้พาดผ้าขนหนูผืนใหญ่ลงไปก่อนแล้วค่อยตากยูกาตะทับลงไป หลังจากนั้น คลุมยูกาตะด้วยผ้าขนหนูอีกผืน
     4. หากต้องการให้ยูกาตะมีผิวสัมผัสที่แข็งขึ้น ลองจุ่มชุดลงในน้ำผสมน้ำยาจัดทรงผม (Styling liquid) ในกรณีนี้ เมื่อซักเสร็จแล้วห้ามบิด แต่ปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ หรือหากวิธีนี้ซับซ้อนเกินไป ก็ให้ซักยูกาตะตามปกติ ตากให้แห้ง แล้วค่อยใช้สเปรย์จัดแต่งทรงผมฉีดพรมๆ ลงบนเนื้อผ้า จากนั้นก็รีดยูกาตะให้เรียบ จะทำให้เนื้อผ้าแข็งมากขึ้น

วิธีตากชุดยูกาตะ
     ให้ตากยูกาตะไว้สูงๆ และไม่ถูกพื้น ที่สำคัญคือต้องตากเป็น “แนวตรง” โดยใช้แท่งเหล็กหรืออื่นๆ ที่ยาวมากพอและสะอาดแทนไม้แขวนผ้า จะช่วยไม่ให้ยูกาตะเสียรูปทรง

(ขอขอบคุณรูปภาพ จาก www.savacoolandsons.com)
การตากกิโมโนใน “แนวตรง”

วิธีรีดชุดยูกาตะ

     ช่วงที่รีดยูกาตะออกมาได้ดีที่สุดคือช่วงที่ชุดยังหมาดๆ (ไม่เปียกหรือแห้งจนเกินไป) โดยเริ่มรีดจากคอปกก่อน และต้องไม่ลืมที่จะจับให้ยูกาตะพับอยู่ในรอยพับตามแนวผ้าที่ถูกต้อง อาจใช้ผ้าขนหนูห่อชุดแล้ว

วิธีซักยูกาตะที่ควรหลีกเลี่ยง

     ไม่ควรนำชุดยูกาตะไปซักแห้ง เพราะการซักแห้งไม่สามารถกำจัดเหงื่อออกจากชุดได้ แม้ว่าการซักแห้งจะทำให้ผลงานที่ได้ออกมาดูสะอาดมากก็ตาม โดยเหงื่อที่ตกค้างอยู่ในเนื้อผ้าจะทำให้ยูกาตะสีตกมากขึ้น

การตกสีของยูกาตะ
     การที่ยูกาตะมีสีตกนั้นเป็นเรื่องธรรมดา สีจะตกทีละน้อยในทุกๆ ครั้งที่ซัก จึงต้องซักยูกาตะแยกจากผ้าทั่วไปเสมอ และต่อไปนี้คือวิธีง่ายๆ ในการหลีกเลี่ยงการตกสีของยูกาตะด้วยตัวคุณเอง

     1. ซักด้วยผงซักฟอกที่เป็นกลาง (คือไม่เป็นกรดหรือด่างจนเกินไป) มากที่สุด ยิ่งผงซักฟอกเป็นด่างมากเท่าไร โอกาสที่สีจะตกก็ยิ่งมากขึ้น ซึ่งผงซักฟอกส่วนมากจะเป็นด่างอยู่แล้ว จึงควรเลือกชนิดให้ดี
     2. เติมน้ำที่จะใช้ซักให้พอดีกับปริมาตรของผ้า การซักด้วยปริมาณน้ำที่น้อยเกินไปจะทำให้ สีละลายตกลงไปในน้ำมากขึ้น แล้วสียูกาตะของคุณก็จะซีดเร็วขึ้น แต่หากไม่แน่ใจว่าปริมาณน้ำนั้นเพียงพอหรือยัง ให้เติมน้ำให้มากเข้าไว้
     3. ใช้น้ำเย็น (น้ำเย็นช่วยให้สีตกน้อยลง แต่น้ำอุ่นจะช่วยป้องกันไม่ให้ผ้าหดตัว ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นในส่วนของการซักชุดยูกาตะด้วยมือ)

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Kyoto Yumeyakata on Facebook
Fumiou, Tai Sakura Okiya

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561

รำอย่างงาม ตามฉบับญี่ปุ่น #20: Ume ni mo Haru (Pontocho)

เพลง : Ume ni mo Haru (梅にも春)
แบบฉบับ : Pontocho

By: Kei Gekiku on Youtube
ไมโกะ Mitsuhana จากโอกิยะ Tanmika
และไมโกะ Ichiyui จากโอกิยะ Katsumi

By: T.Mitsu on Youtube
ไมโกะ Ayaha จากโอกิยะ Yamaguchi
และไมโกะ Ichiaya จากโอกิยะ Matsunoya

By: IKEKITA Minoru on Youtube
เกโกะ Ichifuku จากโอกิยะ Matsunoya
และเกโกะ Ichiraku จากโอกิยะ Tanmika

By: Kei Gekiku on Youtube
ไมโกะ Ayaha จากโอกิยะ Yamaguchi
และไมโกะ Ichiaya จากโอกิยะ Matsunoya

Fumiou, Tai Sakura Okiya

เกอิชา นาฏนารี #20: เกอิชากับการค้าประเวณี

     Sheridan Prasso เขียนถึงว่า ชาวอเมริกันมี “ความเข้าใจผิดต่อโลกของเกอิชาที่แท้จริง ... เกอิชาหมายความว่า ‘บุคคลผู้มีศิลปะ’ พวกเธอถูกฝึกฝนการบรรเลงดนตรีและการร่ายรำมาเพื่อให้ความบันเทิงทางด้านศิลปะกับแขก ไม่ใช่เพื่อความต้องการทางเพศ” K.G. Henshall เขียนถึงวัตถุประสงค์ของเกอิชาว่า “เพื่อให้ความบันเทิงกับแขกด้วยการร่ายรำ บทกวี บรรเลงเครื่องดนตรี และการสนทนาเล็กๆ น้อยๆ การว่าจ้างเกอิชาอาจรวมไปถึงการพูดคุยหยอกล้อกันเล่นๆ แบบหนุ่มสาว แต่แขกจะรู้ดีว่าเขาไม่สามารถคาดหวังอะไรไปมากกว่านี้ได้ ซึ่งชายชาวญี่ปุ่นมักมีความรื่นรมย์กับโลกแห่งความฝันที่ไม่อาจเกิดขึ้นจริง และนี่ถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดามากในสังคมญี่ปุ่น”

     ในปี ค.ศ.1872 หลังการฟื้นฟูพระราชอำนาจสมัยเมจิไม่นาน รัฐบาลชุดใหม่ได้มีการประกาศกฎหมายว่าด้วยการค้าประเวณีและเกอิชา ที่ก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างมากในสังคมสมัยนั้น ข้าราชการบางคนเห็นว่าสิ่งที่เกอิชากับหญิงโสเภณีทำ สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ต่างกัน คือการค้าประเวณี จึงได้มีการประกาศให้การค้าประเวณีทุกรูปแบบถูกเรียกว่า “เกอิชา” นับตั้งแต่นั้น แต่สุดท้าย รัฐบาลกลับตัดสินใจที่จะรักษาเส้นบางๆ ที่แยกเกอิชากับหญิงโสเภณีออกจากกันเอาไว้ โดยอ้างว่าเกอิชาเป็นอาชีพที่มีความสุภาพเรียบร้อยกว่า และไม่ควรนำไปปะปนกับการค้าประเวณีให้ด่างพร้อย

(ขอขอบคุณรูปภาพจาก Wikipedia)
หนังสือ Autobiography of a Geisha โดยคุณ Sayo Masuda

     นอกจากนี้เกอิชายังประกอบอาชีพของพวกเธอที่บ่อน้ำพุร้อนอีกด้วย เช่น ที่เมือง Atami จังหวัด Shizuoka เกอิชาที่นั่นโด่งดังมากจนถูกเรียกว่าเป็นเกอิชาแห่งบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งสมัยก่อนชื่อเสียงของเกอิชาที่ทำงานที่บ่อน้ำพุร้อนนั้นค่อนไปทางด้านลบมากกว่า เพราะมีการค้าประเวณีด้วย และพวกเธอที่ค้าประเวณีเหล่านั้นก็เรียกตัวเองว่าเกอิชา ตรงข้ามกับเกอิชาตัวจริงที่มีความรอบรู้ในด้านการร่ายรำ และการบรรเลงดนตรีอย่างมาก อย่างไรก็ตาม มีหนังสือของคุณ Sayo Masuda ที่ชื่อว่า “Autobiography of a Geisha” กล่าวถึงอาชีพเกอิชาในบ่อน้ำพุร้อนว่าสมัยก่อนมีการบังคับหญิงสาวให้ค้าประเวณีที่บ่อน้ำพุร้อนจริงๆ (แต่สมัยนี้การค้าประเวณีกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาดไปแล้ว)

(ขอขอบคุณรูปภาพจาก art-fuji.info)
(ขอขอบคุณรูปภาพจาก hashikazu.org)
Atami Odori (熱海をどり) เป็นการแสดงในที่สาธารณะ
ของเกอิชาในเมือง Atami จังหวัด Shizuoka
จัดขึ้นในวันที่ 28-29 เมษายน ของทุกปี

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Wikipedia
Fumiou, Tai Sakura Okiya

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2561

ตำรับอาหารญี่ปุ่น #20: Hosomaki

     Hosomaki (細巻 : แปลตรงตัวว่าม้วนบางๆ) เป็นซูชิทรงกระบอกที่ห่อด้วยสาหร่าย Hosomaki แบบต้นฉบับจริงๆ จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางของหน้าตัด 1 นิ้ว มักประกอบไปด้วยไส้เพียงอย่างเดียว อาจเป็นทูน่า แตงกวา น้ำเต้าแห้ง(干瓢 : Kanpyou) แครอท หรืออโวคาโด Kappamaki (河童巻) เป็น Hosomaki ประเภทหนึ่งที่ยัดไส้ด้วยแตงกวา ชื่อนี้ได้มาจากการที่แตงกวานั้นเป็นอาหารโปรดของภูตตนหนึ่งในญี่ปุ่นที่เรียกว่า Kappa (河童) สมัยก่อน Kappamaki ใช้รับประทานเพื่อดับกลิ่นระหว่างทานปลาดิบกับอาหารอื่นๆ ไม่ให้รสชาติปนกัน อีกประเภทหนึ่งของ Hosomaki คือ Tekkamaki (鉄火巻) เมนูนี้เป็นซูชิม้วนยัดไส้ปลาทูน่าดิบ คนญี่ปุ่นเชื่อว่า คำว่า “Tekka” แปลว่าเหล็กร้อนสีแดง อาจหมายความถึงสีของเนื้อทูน่าหรือแซลมอนสดๆ ซึ่งจริงๆ แล้วสมัยก่อนนิยมทาน Tekkamaki กันเป็นของทานเล่นในบ่อนการพนันที่เรียกว่า Tekkaba (鉄火場) เทียบเหมือนการทานแซนด์วิชในสมัยนี้ Negitoromaki () เป็น Hosomaki ที่ยัดไส้ต้นหอมและทูน่าสับ และ Tsunamayomaki (ツナマヨ巻) ที่สอดไส้ทูน่ากระป๋องพร้อมซอสมายองเนส

(ขอขอบคุณรูปภาพ จาก 123rf)
Hosomaki

ตำรับ Hosomaki
ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
สำหรับซูชิ 10 ม้วน

วัตถุดิบ
วัตถุดิบสำหรับข้าว
     1. ข้าวญี่ปุ่นหุงสุก 2 ถ้วย (360 มิลลิลิตร)
     2. น้ำส้มสายชูจากข้าว 4 ช้อนโต๊ะ
     3. น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
     4. เกลือ 1 ช้อนชา

วัตถุดิบสำหรับไส้
     1. แตงกวาญี่ปุ่น 1 ผล
     2. เนื้อทูน่า 6.8 ออนซ์
     3. ถั่วนัตโตะญี่ปุ่น 1 กล่อง

วัตถุดิบสำหรับน้ำชุบมือกันข้าวติด
     1. น้ำสะอาด ¼ ถ้วยตวง
     2. น้ำส้มสายชูจากข้าว 1 ช้อนโต๊ะ

วัตถุดิบอื่นๆ
     1. สาหร่าย 5 แผ่น
     2. ซีอิ๊วขาว
     3. วาซาบิ

วิธีทำ
     1. เตรียมวัตถุดิบให้พร้อม
     2. หุงข้าวญี่ปุ่นให้สุก เสร็จแล้วเก็บใส่ที่มิดชิด (อาจปิดด้วยผ้าชุดน้ำหมาดๆ หรือแผ่นพลาสติกสำหรับห่ออาหาร) เพื่อป้องกันการแห้งของข้าว
     3. ตัดส่วนท้ายของแตงกวาออกทั้งสองด้าน แล้วแบ่งครึ่งแตงกวาส่วนที่เหลือตามยาว แล้วหั่นครึ่งต่ละชิ้นอีกครั้งตามขวาง นำเมล็ดออกด้วยมีด จากนั้นหั่นแต่ละชิ้นตามยาวอีกครั้ง จะได้แตงกวาทั้งหมด 8 ชิ้นต่อ 1 ผล
     4. หั่นทูน่าเป็นเส้นยาว โดยมีความกว้าง ¼ - ½ นิ้ว
     5. นำถั่วนัตโตะออกจากบรรจุภัณฑ์ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวหรือเครื่องปรุงที่ให้มากับตัวถั่ว คลุกให้เข้ากัน
     6. ผสมน้ำชุบมือกันข้าวติด โดยการเทน้ำสะอาด ¼ ถ้วยตวงและน้ำส้มสายชูจากข้าว 1 ช้อนโต๊ะผสมเข้าด้วยกันในชามใบเล็ก
     7. ตัดสาหร่ายเป็นแผ่น ถ้าสาหร่ายที่หามาได้ไม่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ให้ตัดด้านที่ยาวกว่าเพื่อแบ่งสาหร่ายออกเป็น 2 ชิ้น ซึ่งสาหร่ายจะหายกรอบง่ายมาก ให้นำสาหร่ายออกจากซองเท่าที่ใช้ ส่วนที่เหลือให้เก็บไว้ในที่สุญญากาศเพื่อคงความกรอบ
     8. วางเสื่อม้วนซูชิลงบนโต๊ะที่ต้องการ แนวข้องเส้นไม้ไผ่ควรขนานกับตัวคุณเองเพื่อที่จะม้วนได้สะดวก แล้ววางสาหร่ายให้แนวยาวอยู่ตรงด้านใกล้ตัว โดยให้เว้นจากขอบ 3-4 ชิ้นไม้ของเสื่อ และวางสาหร่ายด้านเงากว่าลงด้านล่าง
     9. ทำให้มือเปียกโดยใช้น้ำชุบมือกันข้าวติดที่เตรียมไว้
     10. ตักข้าวญี่ปุ่น ½ ถ้วยใส่ในมือ อาจใช้ถ้วยตวงขนาด ½ ถ้วยตวงตัก จะได้ขนาดที่พอดีและเป็นขนาดที่เท่าๆ กันทุกม้วน แต่อย่าลืมจุ่มถ้วยให้เปียกด้วยน้ำชุบมือกันข้าวติดก่อน
     11. วางข้าวญี่ปุ่นลงบนสาหร่าย ให้วางบนครึ่งด้านซ้ายของสาหร่ายก่อนแล้วค่อยๆ กระจายมาด้านขวา โดยต้องเว้นที่สาหร่ายด้านไกลตัวไว้สัก 1 นิ้วด้วย
     12. กระจายข้าวให้เสมอกันด้วยนิ้วมือ
     13. วางไส้ (ทูน่า แตงกวา หรือถั่วนัตโตะ) ลงไปตามยาวตรงกลางของข้าว จากนั้นใช้นิ้วกดไส้ลงไปในข้าวเล็กน้อย
     14. ม้วนตัวม้วนซูชิเข้าหากันอย่างรวดเร็วด้วยเสื่อ ให้เล็งขอบของข้าวให้จรดกัน จะเหลือสาหร่ายกว้าง 1 นิ้วที่เว้นไว้ตอนแรก
     15. อย่าเพิ่งขยับหรือนำเสื่อม้วนซูชิออก พยายามทำให้ม้วนซูชิแน่นโดยใช้นิ้วกดจากด้านนอกของเสื่อให้ม้วนซูชินั้นเป็นเหลี่ยมหรือทรงกระบอกตามต้องการ จากนั้นคลายเสื่อม้วนซูชิออกได้ แล้วม้วนสาหร่ายไปจรดขอบที่เว้นไว้โดยไม่ต้องใช้เสื่อ อย่าลืมทำให้ตัวข้าวแน่นอีกครั้ง
     16. เวลาตัดม้วนซูชิเป็นคำๆ ให้นำมีดไปเช็ดกับผ้าขนหนูเปียกก่อน ขั้นแรกให้หั่นครึ่งที่เท่ากันก่อน โดยให้ขยับมีดขึ้นหน้าถอยหลัง ไม่ใช่กดลงไปตรงๆ จากนั้นหั่นเป็นคำๆ ตามความเหมาะสมของความยาวสาหร่าย เสร็จแล้วเสิร์ฟคู่กับซีอิ๊วขาว วาซาบิ หรืออื่นๆ ตามชอบ

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Wikipedia และ Justonecookbook
Fumiou, Tai Sakura Okiya

กิโมโนศาสตร์ #20: วิธีดูแลกิโมโน(2) การทำความสะอาดกิโมโนด้วยตนเอง

     การทำความสะอาดกิโมโนด้วยตนเองที่บ้านเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ แต่ต้องพึงตระหนักเสมอว่า มีกิโมโนบางประเภทเท่านั้นที่ทำความสะอาดเองได้ และการซักด้วยตนเองที่บ้านก็เป็นการเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะทำให้กิโมโนของคุณเสียหาย เพราะแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ก็ต้องใช้ระยะเวลาลองผิดลองถูก สั่งสมเป็นประสบการณ์และเทคนิคเฉพาะที่ถ่ายทอดกันมารุ่นต่อรุ่น

ประเภทของกิโมโนที่ไม่ควรทำความสะอาดด้วยตนเอง
     1. กิโมโนผ้าไหม
     2. กิโมโน Shibori
     3. กิโมโนที่ประกอบไปด้วยการตกแต่ง เช่น แผ่นทอง ปักดิ้น
     4. กิโมโนที่มีซับใน


(ขอขอบคุณรูปภาพจาก Aiyama on Rakuten)
กิโมโน Shibori

     แม้แต่การจุ่มกิโมโนประเภทดังกล่าวลงไปในน้ำ นั่นก็เป็นการเสี่ยงที่จะทำให้ผ้ายับย่นแล้ว ดังนั้นถ้ากิโมโนของคุณมีราคาแพง สวยงามหรือทำด้วยวัสดุที่ดูแลยากมาก ขอแนะนำให้คุณนำกิโมโนชุดนั้นไปหาผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า


จะรู้ได้อย่างไรว่าเราสามารถทำความสะอาดกิโมโนชุดนั้นได้เอง
     วิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อตรวจสอบว่ากิโมโนตัวนั้นสามารถซักเองที่บ้านได้ไหมคือให้มองหาป้ายผ้าที่ติดมากันกิโมโน ถ้ามีสัญลักษณ์ดังต่อไปนี้ก็แปลว่าคุณ “อาจจะ” ซักมันได้ในน้ำที่อุณหภูมิไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส
(ขอขอบคุณรูปภาพจาก 123rf)

     กิโมโนฤดูร้อนที่ไม่มีซับในและทำมาจากผ้าฝ้ายแบบหนา ผ้าขนสัตว์ หรือผ้าสังเคราห์อย่างโพลีเอสเตอร์ คือตัวอย่างของกิโมโนที่อาจทำความสะอาดได้เองที่บ้าน

วิธีทำความสะอาดกิโมโนด้วยตนเอง
     1. พับกิโมโนด้วยวิธีเฉพาะ เรียกว่า Sodedatami (袖畳み)

(ขอขอบคุณวิดีโอดีๆ จาก kimonon1 on Youtube)
Sodedatami

     2. ใส่กิโมโนลงไปในถุงซักผ้า ลองหาถุงซักผ้าที่มีขนาดพอดีกับขนาดของกิโมโนที่พับแล้ว

     3. ใช้ผงซักฟอกที่เจือจางมากๆ และอย่าให้เป็นด่างแก่ เพราะความด่างของผงซักฟอกจะทำลายสีสันของกิโมโน
     4. ตั้งระบบเครื่องซักผ้าให้เป็นแบบเบาที่สุดสำหรับผ้าบาง แม้แต่การปั่นแบบปานกลางก็อาจทำลายทรงกิโมโนของคุณได้
     5. แขวนตากกิโมโนแบบแนวตรงในที่แห้งที่มีอากาศถ่ายเทสม่ำเสมอและห้ามถูกแดดโดยตรง

(ขอขอบคุณรูปภาพ จาก www.savacoolandsons.com)
การตากกิโมโนใน “แนวตรง"

สิ่งที่ทำให้กิโมโนสกปรก

     1. น้ำมันจากผิวหนัง
     2. ฝุ่นผง (ทั้งที่ลอยในอากาศและจากพื้นดิน)
     3. เหงื่อ
     4. รา

     เมื่อคุณสวมกิโมโนชุดใดไปแล้ว แม้ว่าจะไม่มีร่องรอยความสกปรกที่เห็นได้ชัดเจน แต่ถ้าคุณไม่คิดว่าจะสวมชุดนี้อีกในเร็วๆ นี้ ให้นำกิโมโนชุดชี้ไปซักทำความสะอาดเสียจะดีกว่า


จุดที่มักเกิดร่องรอยความสกปรกบนตัวกิโมโน
     1. คอปก เป็นจุดที่อยู่ใกล้ใบหน้า จึงได้รับทั้งเหงื่อและเครื่องสำอาง
     2. แขน จุดนี้มักเต็มไปด้วยเหงื่อ น้ำมันจากผิว และเศษเนื้อเยื่อตายที่หลุดออกมาจากแขน
     3. ส่วนด้านหน้า ที่คุณมักทำอาหารหรือเครื่องดื่มหกใส่
     4. ด้านใน รอบๆ ส่วนเอว ที่ซับเหงื่อจากความร้อนไว้
     5. ขอบด้านล่าง เมื่อคุณเดิน นั่นจะทำให้ขอบด้านล่างของกิโมโนสกปรก

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเมื่อคุณทำบางสิ่งเลอะกิโมโน
ทำ !
     ตบรอยเลอะเบาๆ ด้วยผ้าเช็ดหน้า แล้วปล่อยให้ผ้าเช็ดหน้าซับคราบสกปรกนั้น แต่หากสิ่งที่เลอะมีส่วนประกอบของน้ำมัน เช่น เครื่องสำอางหรือหมึกน้ำมัน ให้หากระดาษชำระสอดเข้าไปใต้ผ้าในส่วนที่เลอะ แล้วเตรียมผ้าฝ้ายสะอาดสีขาวที่พรมด้วยแอลกอฮอล์เล็กน้อยวางทับด้านนอกของผ้า ลักษณะที่ออกมาจะเหมือนการประกบแซนด์วิชโดยให้ผ้าของกิโมโนอยู่ตรงกลาง ตบลงไปบนผ้าฝ้ายจนผ้านั้นซับคราบน้ำมันออกมา พยายามทำให้ได้มากที่สุด

     แต่ถ้าสิ่งที่เลอะมีส่วนประกอบของน้ำ เช่น ชา สาเก ซอสต่างๆ ให้หากระดาษชำระสอดเข้าไปใต้ผ้าในส่วนที่เลอะ เตรียมผงซักฟอกที่เจือจางมากๆ ในน้ำ แล้วนำไปป้ายลงบนจุดที่เลอะ ตามด้วยการตบเบาๆ(ห้ามถูหรือขัด) ซึ่งการตบนี้ให้ใช้ผ้าฝ้ายสะอาดสีขาวหรือแปรงสีฟันสะอาดก็ได้


ห้ามทำ !
     ห้ามขัด ถู หรือเช็ดรอยเลอะโดยเด็ดขาด เพราะนั่นจะเป็นการทำให้รอยแผ่กระจายกว้างขึ้น และการทำความสะอาดมันก็จะยิ่งยากไปกว่าเดิม

     และหากคุณอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้วเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้กิโมโนของคุณเลอะ อย่าใช้ Oshibori(おしぼり : ผ้าคล้ายผ้าขนหนูที่มักม้วนไว้เป็นแท่ง) ที่วางอยู่บนโต๊ะเช็ดกิโมโน เพราะผ้านั้นอาจมีส่วนประกอบของสารเคมีที่อาจทำลายสีของตัวกิโมโนได้

กิโมโนกับการรีด
ต่อไปนี้คือเทคนิคพื้นฐานที่ใช้ในการรีดกิโมโน
     1. ห้ามพรมน้ำ โดยเฉพาะกับกิโมโนผ้าไหม น้ำจะทำให้กิโมโนยับย่น
     2. ห้ามปรับอุณหภูมิเตารีดสูงเกินไป
     3. ห้ามรีดลงไปบนตัวกิโมโนโดยตรง แต่ให้ใช้ผ้าฝ้ายวางลงไปก่อนรีด เพื่อกั้นระหว่างผิวผ้ากิโมโนกับผิวหน้าเตารีด
     4. ห้ามรีดจากด้านนอก ให้รีดจากด้านใน
     5. ห้ามรีดส่วนที่ถูกตกแต่ง เช่น ส่วนที่ปักดิ้น ติดแผ่นทอง เพราะความร้อนจะทำลายสีตรงส่วนนั้น

     เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ คือ ถ้ามีรอบยับบนตัวกิโมโนของคุณ ลองนำกิโมโนตัวนั้นไปแขวนไว้ก่อน เมื่อเวลาผ่านไปก็ให้ดูว่ารอยนั้นหายไปไหม ถ้าไม่หายไป ให้คุณนึกจินตนาการดีๆ ว่าส่วนนั้นสามารถมองเห็นได้เมื่อสวมใส่ไหม ถ้ามองเห็นได้ก็ให้นำกิโมโนไปรีดเสีย แต่ถ้าส่วนนั้นอยู่ด้านในอยู่แล้วคุณก็ไม่จำเป็นต้องรีดก็ได้


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก www.onegai-kaeru.jp
Fumiou, Tai Sakura Okiya

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2561

รำอย่างงาม ตามฉบับญี่ปุ่น #19: Gion Kouta (Gion Higashi)

เพลง : Gion Kouta (祇園小唄) 
แบบฉบับ : Gion Higashi 

By: Juande Mondria on Youtube 
ไมโกะ Ryouka จากโอกิยะ Sakaemasa 
และไมโกะ Kanoyumi จากโอกิยะ Kanoya 

By: cokeccoco on Youtube 
ไมโกะ Fumine จากโอกิยะ Okatome 

By: MIMICAN1120 on Youtube 
ไมโกะ Kanoemi และไมโกะ Kanoyumi จากโอกิยะ Kanoya 

By: IKEKITA Minoru on Youtube 
ไมโกะ Fukuharu จากโอกิยะ Okatome 
ไมโกะ Ryouka จากโอกิยะ Sakaemasa 
ไมโกะ Kanoemi จากโอกิยะ Kanoya 
ไมโกะ Kanoka จากโอกิยะ Kanoya 
ไมโกะ Tomitae จากโอกิยะ Tomikiku 
และไมโกะ Kanoyumi จากโอกิยะ Kanoya 

By: Kei Gekiku on Youtube 
ไมโกะ Tomichie จากโอกิยะ Tomikiku 
ไมโกะ Ryouma จากโอกิยะ Sakaemasa 
ไมโกะ Masano จากโอกิยะ Man 
ไมโกะ Tomitsuyu จากโอกิยะ Tomikiku 
ไมโกะ Hinayuu จากโอกิยะ Okatome 
ไมโกะ Kanotomo จากโอกิยะ Kanoya 
และไมโกะ Fumine จากโอกิยะ Okatome 

Fumiou, Tai Sakura Okiya